“ความตาย” เป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนต้องเผชิญอยู่แล้ว
ไม่มีใครที่สามารถอยู่เหนือกฏข้อนี้ไปได้
วันนี้คุณ “เตรียมตัวตาย” กันรึยัง ?
ที่ผมพูดแบบนี้ไม่ได้เป็นการแช่งนะครับ มาลองเปิดใจฟังกันดูก่อน
แล้วทำไมเราถึงต้อง “เตรียมตัวตาย” ตั้งแต่วันนี้กันล่ะ
ข้อดีก็คือ เราจะใช้ชีวิตอย่าง”ไม่ประมาท”
มาลองคิดดู ถ้าเรามีทัศนคติแบบนี้แล้ว ไหนเลย เราจะมัวแต่ใช้ชีวิตที่มีอยู่ เพื่อมุ่งสร้างแต่ “ความรวย” เพราะ ถ้าเราตายไปแล้ว “ความรวย” ที่เป็นเป้าหมายชีวิตที่ “ไม่มีจุดสิ้นสุด” นั้น ก็จะไร้ค่าในทันที
หรือ ถ้าเรา“เตรียมตัวตาย”แล้ว เราก็คงจะไม่ไปเบียดเบียนใคร เพื่อจะให้เค้ามาด่า สาปแช่งเราก่อนตายกันหรอก
พอจะเห็นภาพกันใช่มั๊ยครับ
งั้นเราควรจะเริ่มยังไงล่ะ ?
วิธีการคือแบบนี้ครับ
ข้อแรก ปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิต
ความคิดที่จะตั้งใจทำงานสร้างฐานะเพื่อที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นนั้น เป็นสิ่งที่ดี เพียงแค่ปรับความคิดในการดำเนินชีวิตกันซักเล็กน้อย อย่างเช่นการทำแต่งาน โดยที่ไม่มีเวลาให้คนรอบข้างนั้น ถือว่าผิดมากๆครับ ต่อให้คุณทำงานได้เงินเยอะขึ้น มีทรัพย์สินมากขึ้น แต่ตัวคุณเองตายเร็วขึ้น ผมเชื่อว่าทั้งตัวคุณและคนรอบข้างของคุณ ไม่ได้ต้องการผลลัพธ์แบบนี้แน่นอน
ข้อที่สอง จดรายละเอียดทรัพย์สินและหนี้สินที่เรามี
เพื่อที่จะให้คนข้างหลังได้ทราบว่าเค้าต้องทำยังไงต่อ หรือจะทำพินัยกรรมให้ชัดเจนไปเลยก็ได้
ข้อที่สาม ร่างกายของเราจัดการยังไง
คุณจะบริจาคร่างกายให้กับทางโรงพยาบาลเพื่อที่จะนำไปช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป หรือ ต้องการจะนำร่างไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาก็คิดกันไว้ได้เลย
ข้อที่สี่ ทำประกันไว้ ก็ดีนะ
แบ่งรายได้ส่วนนึงที่เรามีมาซื้อประกันชีวิตไว้ เมื่อเราจากไปแล้วคนข้างหลังเราก็จะได้ไม่ลำบาก
ข้อที่ห้า ทำวันนี้ให้เต็มที่
การงานไม่คั่งค้าง
บอกรักคนที่อยากบอก
ขอโทษคนที่เราล่วงเกิน
ขอบคุณคนที่เราติดค้าง
เห็นมั๊ยล่ะครับ ถึงเวลาแล้ว ที่พวกเราต้องหันมาใส่ใจคำว่า “เตรียมตัวตาย” กันให้มากขึ้น เพราะคำๆนี้มีพลังมากในการดึงสติสำหรับการใช้ชีวิตของพวกเราทุกคนกลับมา ใช้ชีวิตอย่าง“ไม่ประมาท” “ไม่ยึดติดกับวัตถุ” เพราะถ้าตายไปแล้ว ก็”เอาอะไรไปไม่ได้ซักอย่าง”
วิธีการเริ่มต้นง่ายๆ เท่านี้เอง หมั่นระลึกถึงคำว่า “เตรียมตัวตาย” เพื่อที่เราจะไม่มีอะไรต้องค้างคา และตั้งใจ “ทำวันนี้ให้ดีที่สุด” เพื่อตัวคุณเองและคนที่คุณรักกันเถอะครับ
