ปัจจุบัน จังหวัดอุดรธานี ยังนับเป็นเมืองรองเรื่องการท่องเที่ยวอยู่ …..
ข้อมูลอ้างอิงจาก ททท. ที่จัดแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด แล้วสามารถนำค่าใช้จ่ายมาลดหย่อนภาษีประจำปี 2561ได้ จังหวัดอุดรธานีก็เป็น 1 ใน 55 จังหวัดนั้น
รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก
สถานที่ไฮไลท์ของจังหวัดอุดรธานีที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามามากที่สุด ณ ตอนนี้ก็ต้องเป็น “คำชะโนด” แน่นอนครับ
เชื่อว่าไม่มีใครในประเทศไทยจะไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของสถานที่แห่งนี้
ผมเองก็เป็นคนนึงที่ “เชื่อ” ในเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน
ก็มีคิดไว้อยู่ตลอดว่าถ้ามีโอกาสจะขอไปสัมผัสดูซักครั้ง
สำหรับการเดินทางจาก กรุงเทพไปอุดรธานี ผมเลือกที่จะใช้บริการ สายการบินไลอ้อนแอร์
ค่าตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ อยู่ที่ 1680บาท (จองก่อนการเดินทางประมาณ 2 อาทิตย์)
ไฟล์ทเดินทางขาไป SL600 เวลา 05.45-06.50 (เช้าสะใจ) ทำให้ผมต้องตื่นตั้งแต่ตี 3 เพื่อที่จะไปถึงสนามบินดอนเมืองช่วงเวลาประมาณตี 4
ที่สนามบินดอนเมืองขาออกภายในประเทศ หลังจากผ่านจุดตรวจเช็คร่างกายและแสกนสัมภาระถือขึ้นเครื่องแล้ว ถ้าเพื่อนๆ รู้สึกหิว หรืออยากหาอะไรทานเล่น , อยากได้เครื่องดื่มซักแก้ว ระหว่างรอเวลาขึ้นเครื่อง
ผมแนะนำว่า “เลี้ยวซ้าย” มุ่งหน้าไป 7-11 เลยครับ
ราคาเค้า จะแพงกว่า 7-11 ข้างนอกสนามบินนิดหน่อย แต่ผมก็ยังถือว่า “ราคามิตรภาพ”ครับ (ยิ่งถ้าเทียบกับเจ้าอื่นในสนามบินนะ)
ผมเองก็จัด แซนวิชชิ้นนึง น้ำปั่นแก้วนึงไป อยู่ท้องเลยครับ
ไฟล์ทไลอ้อนแอร์ขาไป ผมรู้สึกว่าที่นั่งจะแคบไปนิดนึง (เข่าติดกับเบาะด้านหน้าเลย) สำหรับชายสูง 180cm อย่างผม
แต่ไม่มีผลเท่าไรครับ เพราะผมตื่นตั้งแต่ตี 3 ขนาดนี้ พอได้นั่งปุ๊ป ฟังแอร์เค้าอธิบายข้อควรปฏิบัติโน่นนี่ หยิบวารสารของสายการบินมาอ่านซักหน่อย ผมก็ “หลับ” ยาวครับ 5555
เมื่อถึงสนามบินอุดรแล้ว
สำหรับการเดินทางในอุดรผมเลือกใช้บริการ “รถเช่าขับเอง” ครับ
พอดีน้องสาวคนสวยที่อยู่ที่อุดรเค้าแนะนำเจ้านี้มา
เจ้านี้บริการโอเคครับ ตอนคุยกันทางไลน์ เค้าก็ส่งระเบียบ ข้อปฏิบัติ กฏของเค้า โน่นนั่นนี่ มาเป็นชุดเลย เท่าที่ผมอ่าน ก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติครับ ก็เลยทำการจองคันนี้ไปกับเค้า
วิออส สีแดงแปร๊ดคันนี้เลย
ค่าเช่า 2 วัน เค้าคิดวันละ 999บาท มัดจำ 3000บาท ตอนรับรถ ชำระ 4998บาท (ค่ามัดจำได้คืนตอนส่งคืนรถ)
พี่เจ้าหน้าที่ทั้งตอนส่งมอบรถ และตอนมารับรถกลับบริการดี อัธยาศัยดีครับ
เมื่อรถพร้อมแล้วผมก็มุ่งหน้าไป “คำชะโนด” ไฮไลท์ของทริปนี้ก่อนเลย
การเดินทางทริปนี้ ผมใช้ google maps ตลอดทางเลยครับ ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีทีเดียว จะมีที่น่าติ ก็ตรงที่ชอบพาไปทางลัดที่เป็นทางชนบทแล้วเป็นถนนลูกรัง เป็นหลุมเป็นบ่อตั้งหลายรอบ แล้วก็บางทีจุดหมายอยู่ข้างหน้าเรานี่เอง แต่ดันพาไปวนเข้าซอยด้านหลังแทนบ้าง (อาจเป็นเพราะตำแหน่งที่ปักที่แผนที่ไม่ตรง)
เพราะงั้น ผมแนะนำว่า “ใช้วิจารณญาณ” ณ สถานการณ์ตรงหน้าเพิ่มเติมด้วยนะครับ อย่าไปเชื่อ google maps ซะทีเดียว
จากสนามบินอุดรไป “คำชะโนด” ระยะทางประมาณ 96.6 กม. ใช้เวลาขับประมาณ ชม.ครึ่งครับ
เส้นทางไปถนนดี ขับง่าย จะมีแค่บางช่วงที่ google maps พาไปเจอถนนไม่ดีบ้าง แต่ไม่บ่อย แล้วก็มีทำถนนบางส่วนตอนก่อนจะถึง “คำชะโนด”
ช่วงก่อนจะถึง “คำชะโนด” หลายกิโลอยู่เหมือนกัน จะมีสัญลักษณ์ข้างทางบ่งบอกเราว่าใกล้จะถึงแล้ว ก็คือ จะมีชาวบ้านตั้งแผงขายดอกไม้กับบายศรีตลอดทางเลยครับ!!
เชื่อว่าถ้าเป็นช่วงพีคๆ รถคงติดยาวหลายกิโล ชาวบ้านขายบายศรีได้ดีเป็นเทน้ำเทท่ากันแน่นอน
แต่ช่วงที่ผมไปนั้น ถือว่าเงียบครับ คนขายเพียบเลย แต่คนซื้อไม่มี
และแล้วก็ได้มาถึง “คำชะโนด” แล้วว
ทริปนี้ผมถือว่า ผมโชคดีมากๆ ครับ จากที่ดูพยากรณ์อากาศล่วงหน้ามา ก็ทำใจไว้แล้วว่า ฝนต้องตกตลอดทั้งวันแน่ๆเลย
แต่พอถึงเวลาจริงๆ ท้องฟ้าโปร่ง มีเมฆเป็นบางส่วน แดดร่ม อากาศเย็นสบาย
บายศรี ที่ชาวบ้านตั้งแผงขายตามข้างทาง ถ้าเพื่อนๆจะอุดหนุนเค้า ก็ไม่มีปัญหาครับ ถือว่ากระจายรายได้ให้กับชุมชนกันไป
แต่ถ้าไม่สะดวกแวะจอด ดอกไม้และบายศรี ของทางวัดก็มีจำหน่ายอยู่เหมือนกันครับ ราคาตามภาพได้เลย
ก็จัดกันไปตามกำลังทรัพย์และกำลังศรัทธาของแต่ละท่าน
ความรู้สึกส่วนตัวผมที่ได้มา “คำชะโนด” โดยรวมถือว่า happy ครับ เค้าจัดระเบียบได้โอเค มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอยู่หลายจุด เป็นระเบียบ สะอาดสะอ้าน เค้าให้ถอดรองเท้าก่อนจะเดินข้ามสะพานเข้าไป 200เมตร เพื่อไปที่เกาะ ไปสักการะปู่ย่าพญานาค
ก็ไม่รู้ว่า ถ้าผมมาตอนพีคๆ ที่คนแน่นมากๆ อาจจะไม่ happy ก็ได้ครับ 5555
ช่วงที่ผมไปผู้คนจะประมาณนี้
ถือว่าโอเค ยังมีพื้นที่ให้เราได้นั่งท่องบทสวด ขยับตัวเข้าออก วางของถวายได้สบายๆอยู่ จะเดินชมบรรยากาศธรรมชาติโดยรอบก็สบายๆ
เค้ามีอยู่ 3-4 ศาลาติดๆกัน บางศาลาก็จะมีคนนำสวดอยู่ครับ
ผู้คนที่มา ก็มีทุกเพศ ทุกวัย ต่างชาติก็พอมี โดยส่วนใหญ่ก็เหมือนมากราบไหว้ ขอพรกันตามปกติ
เท่าที่สังเกตุ คนที่มาก้มๆ มองๆ ตามรากไม้ หรือมาถูๆ ตามต้นไม้จะเป็น “ผู้สูงอายุ”ครับ ที่เห็นจะเป็นคุณย่า คุณยาย เสื้อลูกไม้+นุ่งผ้าซิ่น ทั้งนั้นครับ แกคงตั้งใจจะมาขอเลขเด็ดกัน 55555
เมื่อภารกิจที่ “คำชะโนด” เสร็จสิ้นเรียบร้อย
ผมก็มุ่งหน้าไปหนองคายไป “วัดโพธิ์ชัย” เพื่อไปกราบ “หลวงพ่อพระใส”
ระยะทางจาก “คำชะโนด” ไป “วัดโพธิ์ชัย” ประมาณ 89กม. ระยะเวลาเดินทาง ประมาณ 1 ชม. 40 นาที
เส้นทางขับง่าย ถนนดี มีช่วงที่เป็นถนนเลนส์สวนเลนส์บ้าง แต่รถไม่หนาแน่น มีจังหวะให้เร่งแซงรถใหญ่ขับช้าได้แบบสบายๆ
มาถึง “วัดโพธิ์ชัย” สถานที่ไฮไลท์ของจังหวัดหนองคาย อากาศดี คนไม่เยอะ
ต่อด้วย “วัดศรีคุณเมือง” หรือ “หลวงพ่อพระสุก” กันครับ
“วัดโพธิ์ชัย” และ “วัดศรีคุณเมือง” ใกล้กันนิดเดียว
เสร็จจาก “วัดศรีคุณเมือง” แล้ว ก็ไปเดินเล่น “ตลาดท่าเสด็จ” ต่อครับ
เท่าที่เดินเล่น “ตลาดท่าเสด็จ” โดยมากสินค้าจะเป็นของใช้ จำพวก เสื้อผ้า ถุงเท้า สบู่ เครื่องสำอางค์ อุปกรณ์เสริมโทรศัพท์มือถือ
เดินเล่นตลาดซักพัก อากาศเริ่มอบอ้าว หาร้านห้องแอร์นั่งดีกว่า
จากที่น้องสาวคนพื้นที่แนะนำมา จะเป็นร้าน “กาแฟเวียต” ครับ
เท่าที่สังเกตุ ร้านอาหารอื่นๆไม่ค่อยมีคน แต่ร้าน “กาแฟเวียต” คนเต็มอยู่นะ คงด้วยอาหารที่หลากหลาย มีทั้งกาแฟ และขนมหวานไว้รองรับลูกค้าหลากหลายประเภท
ที่ผมสั่งมาลองจะเป็น
กาแฟซิกเนเจอร์ > แก้วนี้โอเคอยู่ครับ
รูทเบียร์ > อันนี้ไม่ผ่านครับ คงเป็นเพราะผมคาดหวังว่าจะหวานๆ แบบ รูทเบียร์ที่ A&W แต่อันนี้รสชาติจะเหมือนเบียร์ที่ซ่าๆ มีความขมและความซ่าอยู่ในตัว
หมูยอ > จานนี้โอเคครับ กินเล่นๆ เสริฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู๊ดรสเผ็ดอมเปรี้ยวนิดๆ
กินเสร็จ ก็เดินเล่นริมแม่น้ำโขง ชมวิว ถ่ายรูปเล่น ก่อนจะกลับอุดรซะหน่อย
เส้นทางจากตลาดท่าเสด็จหนองคาย จุดหมายต่อไป ผมมุ่งหน้าไป “ศาลหลักเมืองอุดรธานี”
ระยะทางประมาณ 55กม. ใช้เวลาขับประมาณ 1ชม.
เส้นทางก็ขับง่าย ถนนดีเหมือนเดิมครับ แต่เส้นนี้ ผมเห็นมีบางช่วงขึ้นกล้องจับความเร็วชัดเจนเลย มีรถยนต์ทั้งทะเบียนไทย และทะเบียนลาว โดนเรียกให้จอดข้างทางกันหลายคันอยู่ (ก็ถนนโล่งอ่ะเนาะ จะให้ขับแบบคลานๆไปตลอดทางก็ยังไงกันอยู่คร้าบ คุณตำร๊วด)
ป.ล. ผมไม่โดนเรียกนะครับ เพื่อนๆ 5555
“ศาลหลักเมืองอุดรธานี”
ประกอบด้วย 3 ส่วนที่ให้สักการะ
1. พระพุทธโพธิ์ทอง
2. ท้าวเวสสุวรรณ
3. เสาหลักเมือง
“ศาลหลักเมืองอุดรธานี” สวย สงบ สะอาด ร่มรื่น เข้มขลัง เปี่ยมด้วยพลัง จริงๆ ครับ
เป็นอีก 1 สถานที่ ที่ผมแนะนำว่าเพื่อน ๆ “ห้ามพลาด” นะครับ
ขอจบ EP.1 เท่านี้ก่อน
แล้วเดี๋ยวติดตามกันต่อใน EP.2 นะครับ
รับรองว่ามีเรื่องราวที่น่าสนใจอยู่อีกเพียบเลยครับ
คอยติดตามกันด้วยน้า